การนอนหลับ ควรหลับลึกกี่ชั่วโมง?
การหลับลึกต้องกี่ชั่วโมง? เคล็ดลับนอนหลับดี ป้องกันแบคทีเรีย และสุขภาพที่ยั่งยืนกับ Getha
การหลับลึกต้องกี่ชั่วโมง?
ความหมายของการหลับลึก (Deep Sleep)
การหลับลึก หรือที่เรียกว่า Slow-wave Sleep (SWS) เป็นช่วงการนอนที่ร่างกายได้พักผ่อนจริงจัง สมองจะช้าลง ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และสร้างฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเติบโตและภูมิคุ้มกัน
วงจรการนอนหลับ (Sleep Cycle)
การนอนหลับแบ่งออกเป็น 4 ระยะ โดยการหลับลึกคือช่วง NREM ระยะที่ 3 ที่ใช้เวลาประมาณ 20-25% ของการนอนทั้งหมดในแต่ละคืน
ทำไมการหลับลึกถึงสำคัญ
เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายฟื้นฟูอย่างแท้จริง ใครที่ขาดการหลับลึก มักจะตื่นมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่น เหมือนนอนทั้งคืนแต่ยังเพลีย
ระยะเวลาการหลับลึกที่เหมาะสม

โดยทั่วไป ผู้ใหญ่ควรมีการหลับลึกประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมงต่อคืน จากการนอนทั้งหมด 7–9 ชั่วโมง
หลับลึกกี่ชั่วโมงต่อคืนถึงจะพอ
แม้จะไม่มีตัวเลขที่ตายตัว แต่ถ้าได้หลับลึกเกิน 90 นาทีขึ้นไป ร่างกายมักจะเพียงพอสำหรับการฟื้นฟู
ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพการหลับลึก
-
ความเครียดและอารมณ์
-
สภาพแวดล้อมในห้องนอน
-
คุณภาพของที่นอนและหมอน
-
พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
การนอนหลับกับสุขภาพร่างกายและจิตใจ
การฟื้นฟูสมองและความจำ
การหลับลึกช่วยจัดเก็บความทรงจำระยะยาว และเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้
การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ระหว่างการหลับลึก ร่างกายจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวมากขึ้น ทำให้ต้านทานโรคได้ดี
การซ่อมแซมร่างกายและกล้ามเนื้อ
ฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone) จะถูกปล่อยออกมา ทำให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็ว
การป้องกันแบคทีเรียและสิ่งสกปรกระหว่างนอนหลับ
ปัญหาของที่นอนและหมอนที่ไม่สะอาด
ที่นอนและหมอนที่ไม่ได้ทำความสะอาดสะสมเชื้อโรค ไรฝุ่น และแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้เกิดภูมิแพ้และปัญหาสุขภาพ
วิธีการเลือกวัสดุป้องกันแบคทีเรีย
ยางพาราธรรมชาติช่วยอย่างไร
ยางพารามีคุณสมบัติต้านทานไรฝุ่นและแบคทีเรียตามธรรมชาติ ช่วยให้ที่นอนสะอาดและปลอดภัย
เทคโนโลยีเสริมการนอนที่ปลอดภัย
หลายแบรนด์รวมถึง Getha ใช้เทคโนโลยี Nano Silver ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
การดูแลที่นอนและเครื่องนอนอย่างถูกวิธี
-
ซักปลอกหมอนและผ้าปูทุก 1-2 สัปดาห์
-
ตากแดดที่นอนอย่างน้อยเดือนละครั้ง
-
ใช้ที่นอนที่มีคุณสมบัติป้องกันแบคทีเรีย
เคล็ดลับเพื่อการหลับลึกที่มีคุณภาพ
จัดสภาพแวดล้อมในห้องนอน
แสงและเสียงที่เหมาะสม
ห้องที่มืดและเงียบช่วยให้สมองเข้าสู่โหมดพักผ่อนได้ง่ายขึ้น
อุณหภูมิห้องที่ช่วยให้หลับสบาย
อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 24–26 องศาเซลเซียส
การใช้หมอนและที่นอนที่รองรับสรีระ
เลือกหมอนยางพาราเพื่อการรองรับศีรษะและคอ
หมอนที่ดีช่วยลดอาการปวดคอ และทำให้การหายใจสะดวกขึ้น
ที่นอนที่ช่วยลดแรงกดทับและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
ที่นอนยางพาราของ Getha ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงกดทับโดยเฉพาะ
การปรับพฤติกรรมก่อนนอน
งดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
เพราะสารเหล่านี้รบกวนวงจรการนอนหลับ
ใช้เวลารีแล็กซ์ก่อนนอน
การอ่านหนังสือเบา ๆ หรือทำสมาธิช่วยให้หลับได้เร็วขึ้น
Getha กับการนอนหลับที่ยั่งยืน
จุดเด่นของที่นอนยางพารา Getha
ป้องกันแบคทีเรียและไรฝุ่น
ผลิตจากยางพาราธรรมชาติแท้ มีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของไรฝุ่นและแบคทีเรีย
รองรับสรีระตามหลักสรีรศาสตร์
ออกแบบให้เข้ากับสรีระ ช่วยลดอาการปวดหลังและคอ
ผลลัพธ์ของการนอนบนที่นอนคุณภาพสูง
คุณจะตื่นขึ้นมาพร้อมความสดชื่น ไม่รู้สึกปวดเมื่อย
เหตุผลที่ Getha เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ
เพราะการนอนหลับที่ดีเริ่มต้นจากเครื่องนอนที่มีคุณภาพ
สรุป
การหลับลึกมีความสำคัญต่อสุขภาพอย่างมาก ผู้ใหญ่ควรหลับลึกประมาณ 1.5–2 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เต็มที่ การเลือกที่นอนและหมอนที่ป้องกันแบคทีเรีย เช่น ที่นอนยางพารา Getha จะช่วยยกระดับคุณภาพการนอนให้ดียิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
Q1: ทำอย่างไรถึงจะหลับลึกได้มากขึ้น?
A1: จัดสภาพแวดล้อมห้องนอนให้เหมาะสม ใช้ที่นอนคุณภาพ และงดคาเฟอีนก่อนนอน
Q2: นอนกี่ชั่วโมงถึงจะพอสำหรับผู้ใหญ่?
A2: โดยทั่วไป 7–9 ชั่วโมง และในนั้นควรมีการหลับลึกอย่างน้อย 90 นาที
Q3: ที่นอนเก่า ๆ มีผลต่อการนอนหลับไหม?
A3: มีแน่นอน เพราะที่นอนที่เสื่อมสภาพอาจทำให้ปวดหลังและนอนหลับไม่สนิท
Q4: ทำไมยางพาราถึงป้องกันแบคทีเรียได้?
A4: ยางพารามีคุณสมบัติธรรมชาติที่ช่วยยับยั้งไรฝุ่นและแบคทีเรียโดยไม่ต้องใช้สารเคมี
Q5: Getha ต่างจากที่นอนทั่วไปอย่างไร?
A5: Getha ผลิตจากยางพาราธรรมชาติแท้ รองรับสรีระได้ดี และมีคุณสมบัติป้องกันแบคทีเรียในตัว

